The Hermitage
The Hermitage เดิมเป็นวังฤดูหนาวของซาร์และราชวงศ์ สร้างเมื่อ 300 ปี ก่อน เพื่อเก็บสะสม งานศิลปะลํ้าค่าของโลกกว่า 8 ล้านชิ้น รวมท้ังภาพเขียนของจิตรกรเอกระ ดับโลก เช่น ลีโอนาโด ดาวินซี, ปีกัสโซ, แรมบรันด์, แวนโก๊ะ ฯลฯ จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สวย ที่สุด และใหญ่ท่ีสุด ของโลกแห่งหนึ่ง
พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ (Hermitage Museum) แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเนวา ที่เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1764 ซี่งในอดีตเคยเป็นที่พักอาศัยของราชวงศ์โรมานอฟ (Romanov) ที่แห่งนี้ “มีแค่หนูกับฉันเท่านั้นที่สามารถชื่นชมผลงานเหล่านี้ได้” ส่วนหนึ่งในบันทึกคำกล่าวของพระนางแคทเธอรีนที่ 2 มหาราช (ในราชวงศ์โรมานอฟ มีแค่ 2 พระองค์เท่านั้นที่ได้สมญานามมหาราช) ผู้เก็บสะสมสมบัติส่วนพระองค์และพระเจ้าปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซียขึ้น ภายในพระราชวังฤดูหนาวหรือเฮอร์มิเทจ ณ กรุงเซนปีเตอร์เบริ์ก
เมืองเซนปีเตอร์เบิร์ก (St.Petersburg) มีทั้งหมด 3 ชื่อด้วยกัน และเปลี่ยนชื่อตามยุคสมัย ชื่อเมืองเซนปีเตอร์เบิร์ก(การเขียนแบบนี้มาจากภาษาเยอรมัน) ได้มีเริ่มใช้ในปี ค.ศ.1703-1914 และได้เปลี่ยนเป็นเปโตรกราด (Petrograd) (เป็นการเขียนโดยใช้ภาษารัสเซีย: Petro หมายถึง Peter) ในปี ค.ศ.1914 -1924 และเปลี่ยนเป็นเลนินกราด (Leningrad) ในปี ค.ศ. 1924 -1991 จากนั้นก็ได้กลับมาใช้ชื่อเซนต์ปีเตอร์เบิร์กอีกในปี ค.ศ. 1991 - ถึงปัจจุบันศตวรรษที่ 18 เมื่อพระราชวังแห่งนี้ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมเป็นครั้งแรกในชื่อ พิพิธภัณฑ์สเตจเฮอร์มิเทจ (State Hermitage Museum) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการบันทึกในหนังสือสถิติโลกกินเนสส์ว่า เป็นหอศิลป์ที่มีงานสะสมมากชิ้นที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เรียกได้ว่าอลังการ สมฐานะซาร์แห่งโรมานอฟ
อาคารพระราชวังเฮอร์มิเทจ เป็นตึกที่ใช้สีเขียวตัดกับสีขาว ซึ่งเป็นศิลปะสถาปัตยกรรมแบบบาโรค (Baroque Style) สร้างในปี ค.ศ. 1764 ตัวอาคารเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงประมาณ 30 เมตร และด้านหน้ายาวประมาณ 250 เมตร ออกแบบด้วยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ ฟรานเชสโก บาร์โทโลมีโอ รัสเทรลลี (Francesco Bartolomeo Rastrelli) ชาวอิตาเลียน มีการก่อสร้างเพิ่มเติมและดัดแปลงมาเรื่อยๆ ปัจจุบันมีอาคารเชื่อมต่อกันจำนวน 5 หลังได้แก่ พระราชวังฤดูหนาว(Winter Palace) เฮอร์มิเทจอาคารเล็ก (Small Hermitage) เฮอร์มิเทจอาคารเก่า (Old Hermitage) เฮอร์มิเทจอาคารใหม่ (New Hermitage) และ โรงละครเฮอร์มิเทจ(Hermitage Theatre) State Hermitage Museum Application
The Hermitage แรกเริ่มสร้างเพื่อใช้เป็นพระราชวัง ที่ประทับของเจ้าหญิงอลิซาเบธ (ในช่วงปี ค.ศ.1741-1761 ) และก่อสร้างเสร็จเมื่อปี 1762 แต่พระนางอลิซาเบธสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน ทำให้พระราชวังแห่งนี้ กลายเป็นที่ประทับของพระนางแคทเธอรีนที่ 2 มหาราช (ค.ศ.1762-1796 ) ซึ่งขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 3 (ค.ศ.1761-1762) พระราชสวามี (ที่พระนางแคทเทอรีนมหาราช สั่งให้ลอบสังหาร) ซึ่งในรัชสมัยของพระนางแคทเธอรีนที่ 2 มหาราช ถือเป็นยุคแห่งความรู้แจ้ง (Age of Enlightenment) พระนางแคทเธอรีนที่ 2 มหาราชได้มีการปฏิรูปประเทศให้ทัดเทียมกับยุโรปตะวันตก พระนางแคทเธอรีนที่ 2 มหาราชได้ทำให้ชาวรัสเซียรักและจงรักภักดีต่อพระนาง จนมีประโยคที่ว่า "ปีเตอร์ให้ร่าง แก่รัสเซีย พระนางแคทเธอรีนที่ 2 ให้จิตวิญญาณ" เพราะรัสเซียขณะนั้นได้ขยายพรมแดนออกไปทางด้านทะเลดำและทะลเมดิเตอร์เรเนียนได้สำเร็จ รวมทั้งได้มีการปฏิรูประบอบการปกครองและสังคมให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับมหาอำนาจยุโรปอื่น จนในที่สุดกรุงเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ได้กลายเป็นมหานครเหนือที่เป็นศูนย์กลางการค้า ศูนย์กลางของสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือยที่สำคัญของยุโรปและฝั่งเอเชีย อีกเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงต่างนิยมสะสม ศิลปวัตถุ และรูปภาพที่มีชื่อเสียงและราคาแพง เพื่อประกวดประชันกัน ตลอดจนยินดีจ่ายค่าจ้างจำนวนมหาศาล ให้คณะแสดงต่างๆ ที่มีชื่อเสียงของยุโรปไม่ว่าจะเป็นคณะละคร ระบำ ดนตรี วงอุปรากร มาเปิดการแสดงที่นี่
ไม่เพียงแต่ชนชั้นสูงที่ประกวดประชันกันเท่านั้น พระนางแคทเธอรีนที่ 2 มหาราช พระนางเองก็ทรงเป็นนักสะสมตัวยง โดยเริ่มสะสมผลงานศิลปะครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1764 จากพ่อค้าชาวเบอร์ลิน ชื่อ Johann Ernst Gotzkowsky โดยซื้อภาพเขียนสีน้ำมันบนผ้าใบ จำนวน 225 ภาพ ภาพทั้งหมดล้วนวาดโดยจิตรกรที่มีชื่อในยุโรปในขณะนั้น พระนางสะสมศิลปวัตถุและโบราณวัตถุจากนานาประเทศยุโรปเรื่อยมาจนทำให้พระราชวังเฮอร์มิเทจ ต้องขยายพื้นที่ เพื่อเก็บของสะสมนานาชนิดของพระนาง
ในปี ค.ศ.1764 -1766 พระนาง มีพระบัญชาให้ ยูรี เฟลเทน (Yury Felten) ขยายพื้นที่การจัดสร้างพระราชวังไปยังด้านทิศตะวันออก ปีถัดมาสั่งนายช่างชาวฝรั่งเศสชอง เบสติสต์ (Jean – Baptist Ballin de la Mothe) สร้างอาคารเพิ่มเติมทางด้านทิศเหนือบนฝั่งของแม่น้ำเนวา และในระหว่างปีนั้นเองพระนางได้ วางของสะสมในศิลปะสมัยใหม่ (Neoclassic) มาไว้ยังอาคารที่เรียกว่า Small Hermitageและในระหว่างปี 1769 ถึง 1779 พระนางได้จัดซื้อภาพของศิลปินและภาพศิลปวัตถุ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากศิลปิน, ทายาทเจ้าของที่ผู้เคยครอบครองผลงานของศิลปิน อาทิ ภาพของ Bruhl 600 ภาพ ภาพของ Crozat ภาพ Robert Walpole ในลอนดอน 198 ภาพ ภาพวาดของท่านเคานท์ Baudouin 119 ภาพ
นอกจากภาพวาดแล้วพระนางแคทเธอรีนที่ 2 มหาราชยังโปรดที่จะซื้อสะสมเครื่องประดับต่างๆ ไว้อย่างมากมาย ว่ากันว่าในตลอดพระชนม์ชีพของพระนางนั้น สะสมภาพวาดไว้ถึง 4,000 ภาพ หนังสือ 30,000 กว่าเล่ม เครื่องประดับแกะสลัก 10,000 ชิ้น ภาพเขียนกว่า 10,000 ภาพ เหรียญต่างๆ อีก 16,000 เหรียญ นอกจากนั้นยังมีของสะสมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุทางธรรมชาติ และมนุษย์จัดทำขึ้น เหรียญตรา ห้องที่ใช้จัดวางข้าวของเหล่านี้ ต้องใช้พื้นที่ที่มีทั้งหมดราว 400 กว่าห้อง ต่อมาในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 (คศ.1801-1825) และพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 (คศ.1840 -1843) ได้ทรงจัดซื้อภาพวาดเพิ่มขึ้น พร้อมกับจัดหมวดหมู่ของสะสมต่างๆ รวมทั้งปรับปรุงอาคารเล็กของเฮอร์มิเทจเรื่อยมา จนกระทั่ง อาคารใหม่ของเฮอร์มิเทจสร้างเสร็จ จึงได้เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1852
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจแบ่งออกเป็น 3 ชั้น พื้นที่จัดแสดงหลัก อาทิ ห้องอิยิปต์ (Egyptian) ห้องศิลปะคลาสสิก (Classical) ห้องศิลปะยุคก่อนประวัติศาสตร์(Prehistoric art)ห้องศิลปะวัตถุแสดงเครื่องประดับ(Jewelry and decorative art) ห้องศิลปะแบบอิตาเลียนและสเปน(Italian and Spanish fine art)ห้องอัศวิน(Knight's Hall) ห้องศิลปะยุโรปสไตล์บาโรค(Dutch Golden Age and Flemish Baroque) ห้องศิลปะแบบเยอรมัน อังกฤษ สวิส และฝรั่งเศส(German, British, Swiss and French fine art) ห้องศิลปะสมัยนีโอคลาสสิกและสมัยใหม่(Neoclassical, Impressionist, and post-Impressionist art) และ ห้องศิลปะรัสเซีย (Russian art)
เมื่อเดินผ่านเข้าไป ตามห้องหมายเลขต่างๆ แทบทุกห้องล้วนมีการตกแต่งที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเรือน ภาพวาด ภาพเขียน ห้องนั่งเล่น ห้องสมุด ห้องโถง ฯลฯ ยิ่งใหญ่สมสถานะแห่งซาร์ของรัสเซีย เราตามไปชมความงดงามของเธอเฮอร์มิเทจ เราจะพาท่านไปรู้จักห้องนิทรรศการและภาพศิลปะที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนที่นี้
ห้องบันไดจอร์แดน The Jordan Staircase หรือบันไดทูต บริเวณห้องโถงและบันได ชั้น 1 ที่จะเดินเข้าไปชมยังห้องนิทรรศการต่างๆ ในบริเวณชั้น 2 สร้างในปี1866 แต่ถูกไฟไหม้เสียหายใน ปี 1837
ห้อง The Field Marshals’ Hall สร้างชั้นในปี คศ.1833-1834 มีการตกแต่งด้วยโคมไฟจำนวน 3 โคมระย้า ที่ทำจากบรอนซ์ทอง น้ำหนักจำนวน 2 ตัน ในห้องจะบรรยายเรื่องราวในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 (ในช่วง 1914-1917)
ห้องโถงประจำราชวงศ์ The Armorial Hall จุดมุ่งหมายในการสร้างห้องนี้ เพื่อเชิดชูโครงสร้างของรัฐหรือจักรวรรดิรัสเซีย และห้องนี้ออกแบบเพื่อใช้เป็นห้องโถงต้อนรับ พื้นที่ของห้องนี้ประมาณ 1 พันตารางเมตร สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงปีเตอร์ มหาราช มีบัลลังก์ และรูปของพระองค์อยู่ด้านหลัง ยิ่งใหญ่อลังการด้วยเสาทองต้นใหญ่
ห้องสงคราม War Gallery of 1812 เป็นการระลึกถึงชัยชนะของรัสเซียที่มีต่อนโปเลียนของฝรั่งเศส บนกำแพงจะแขวนภาพใหญ่ คือภาพของกษัตริย์รัสเซียพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1, กษัตรย์แห่งปรัสเซีย Friedrich William, กษัตริย์แห่งออสเตรีย Frazn I, Barclay de Tolly และ นายพลมิคาอิล คูตูซอฟ ที่รบในสงครามปี 1812 จำนวน 332 ท่าน ในห้องนี้จะมีภาพที่ยังไม่ถูกวาดอยู่ 13 ภาพ เพราะรอคิวในการวาดภาพไม่ไหว จนเสียชีวิตก่อน
ห้องราฟาเอล The Raphael Loggias ห้องหมายเลข 227 เป็นห้องระเบียงยาวประกอบด้วยภาพวาด ผลงานของ Raphael รวมเรื่องราวตามคัมภีร์ไบเบิล